ชื่อเรื่อง: ระบบประสาท (Nervous System)
รายวิชา: พ30105 ภาคเรียนที่
1 ปีการศึกษา 2557
จัดทำโดย
1.)
นางสาวจิรัชญา วนาพันธพรกุล ชั้น ม. 6/7 เลขที่ 2
2.)
นางสาวภัทราพร สิงคนิภา ชั้น ม.6/7 เลขที่ 6
3.)
นายธนภัทร คทาพรสิริ ชั้น ม.6/7 เลขที่ 15
4.)
นายธีรพจน์ ลาภพรศิริกุล ชั้น ม.6/7 เลขที่ 16
5.)
นายปณวัฒน์ วงศ์แกล้ว ชั้น ม.6/7 เลขที่ 18
6.)
นาวสาวภัทรอร สุวรรณสุโข ชั้น ม.6/7
เลขที่ 21
............................................................................................................................................................................................................
ระบบประสาทมีหน้าที่ควบคุมและประสานการทำงานของระบบต่างๆของร่างกาย
หลังจากที่รวมรวมข้อมูลจากสิ่งแวดล้อมภายนอกที่มีความสัมพันธ์กับระบบต่างๆของร่างกาย
ก็จะมีการวิเคราะห์
และสั่งการให้มีการตอบสนองที่เหมาะสมเพื่อรักษาสมดุลต่างๆของร่างกาย
ตอบสนองต่อความต้องการของร่างกาย
ซึ่งความต้องกายที่สำคัญที่สุดของร่างกายคือเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด
หน้าที่ของระบบประสาทมี 4 ประการ
หน้าที่ของระบบประสาทมี 4 ประการ
1.
รวบรวมข้อมูล ทั้งจากภายนอกและภายในร่างกาย (sensory
function)
2.
นำส่งข้อมูลไปยังระบบประสาทกลางเพื่อทำการวิเคราะห์
3.
วิเคราะห์ข้อมูล
เพื่อให้มีการตอบสนองที่เหมาะสม (integrative function)
4.
สั่งงานไปยังระบบต่างๆเช่น กล้ามเนื้อ ต่อม
หรืออวัยวะอื่นๆให้มีการตอบสนองที่เหมาะสม (motor function)
ระบบประสาทแบ่งออกเป็น 2 ส่วน
1.
ระบบประสาทส่วนกลาง (central
nervous system – CNS) ประกอบไปด้วยสมองและไขสันหลัง ไขสันหลัง (spinal
cord) มีหน้าที่นำส่งข้อมูลจากร่างกายไปยังสมอง
สมองทำหน้าที่แปลผลและวิเคราะห์ข้อมูล
และสั่งงานผ่านทางไขสันหลังไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย
2.
ระบบประสาทส่วนปลาย (peripheral
nervous system- PNS) ประกอบด้วยเซลล์ประสาท(neuron)ที่ไม่ได้อยู่ในระบบประสาทส่วนกลาง
เซลล์ประสาทที่ทำหน้าที่เก็บข้อมูลจากร่างกายและนำส่งไปยังระบบประสาทส่วนกลางเรียกว่า
afferent neurons และตัวที่นำส่งข้อมูลจาก CNS ไปยังที่ต่างๆเรียกว่า efferent neurons
:: ระบบประสาทส่วนกลาง ::
|
ระบบประสาทส่วนกลาง (The Central
Nervous System หรือ Somatic Nervous System)
เป็นศูนย์กลางควบคุมการทำงานของร่างกาย
ซึ่งทำงานพร้อมกันทั้งในด้านกลไกและทางเคมีภายใต้อำนาจจิตใจ
ซึ่งประกอบด้วยสมองและไขสันหลังโดยเส้นประสาทหลายล้านเส้นจากทั่วร่างกายจะส่งข้อมูลในรูปกระแสประสาทออกจากบริเวณศูนย์กลางมีอวัยวะที่เกี่ยวข้องดังนี้
1.สมอง(Brain)
เป็นส่วนที่ใหญ่กว่าส่วนอื่นๆของระบบประสาทส่วนกลางทำหน้าที่ควบคุมการทำกิจกรรมทั้งหมดของร่างกายเป็นอวัยวะชนิดเดียวที่แสดงความสามารถด้านสติปัญญา การทำกิจกรรมหรือการแสดงออกต่างๆ
เป็นส่วนที่ใหญ่กว่าส่วนอื่นๆของระบบประสาทส่วนกลางทำหน้าที่ควบคุมการทำกิจกรรมทั้งหมดของร่างกายเป็นอวัยวะชนิดเดียวที่แสดงความสามารถด้านสติปัญญา การทำกิจกรรมหรือการแสดงออกต่างๆ
แสดงส่วนต่างๆของสมอง
แสดงตำแหน่งของสมองที่มีหน้าที่
ในการสั่งการเคลื่อนไหว (motor area)
ในการสั่งการเคลื่อนไหว (motor area)
ส่วนต่างๆของสมองและหน้าที่
1. cerebral cortex
เป็นส่วนที่ใหญ่ที่สุดของสมอง ประกอบไปด้วย frontal, parietal, temporal และ occipital lobe มีหน้าที่รับและวิเคราะห์ข้อมูลจากสิ่งกระตุ้นทั้งภายนอกและภายในร่างกาย และแปลข้อมูลออกมาเป็นรูปของการตอบสนอง นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เกี่ยวกับการพูดจา การเรียนรู้ ความจำ ภาวะรู้สติ การหลับตื่น สติปัญญา อารมณ์และพฤติกรรม
1. cerebral cortex
เป็นส่วนที่ใหญ่ที่สุดของสมอง ประกอบไปด้วย frontal, parietal, temporal และ occipital lobe มีหน้าที่รับและวิเคราะห์ข้อมูลจากสิ่งกระตุ้นทั้งภายนอกและภายในร่างกาย และแปลข้อมูลออกมาเป็นรูปของการตอบสนอง นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เกี่ยวกับการพูดจา การเรียนรู้ ความจำ ภาวะรู้สติ การหลับตื่น สติปัญญา อารมณ์และพฤติกรรม
- frontal
lobe เป็นตำแหน่งที่ทำหน้าที่หลักในการควบคุมการเคลื่อนไหว
บริเวณที่เป็นศูนย์ควบคุมเรียก motor area ดังรูปที่ 4
- parietal
lobe มีตำแหน่งที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการรับความรู้สึกจากส่วนต่างๆของร่างกาย
- temporal
lobe มีตำแหน่งที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการได้ยิน
- occipital
lobe มีตำแหน่งที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการมองเห็น
2. limbic system
ประกอบไปด้วยเนื้อสมองส่วนย่อยๆหลายส่วนได้แก่ hippocampus, amygdaloid complex, hypothalamus, olfactory lobe, pyriform lobe และบางส่วนของ thalamus สมองส่วนนี้มีหน้าที่ในการประสานสภาวะอารมณ์เข้ากับการเคลื่อนไหวและอวัยวะภายใน
3. midbrain และ brain stem
เป็นส่วนที่เชื่อมต่อสมองส่วน crebra cortex เข้ากับไขสันหลัง บริเวณนี้จะพบ reticular activating system ซึ่งมีส่วนสำคัญในการควบคุมการนอนหลับ และความตื่นตัว เป็นจุดสำคัญของ reflex ที่จะเป็นหลายชนิด เช่น reflex ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของหัวใจและหลอดเลือด
4. cerebellum
เป็นสมองที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวและการทรงตัว
ระบบประสาทส่วนปลาย
ระบบประสาทส่วนปลายประกอบด้วย 2 ส่วน
1. sensory-somatic nervous system ประกอบไปด้วย เส้นประสาทสมอง 12 คู่ และเส้นประสาทสันหลัง 31 คู่
ประกอบไปด้วยเนื้อสมองส่วนย่อยๆหลายส่วนได้แก่ hippocampus, amygdaloid complex, hypothalamus, olfactory lobe, pyriform lobe และบางส่วนของ thalamus สมองส่วนนี้มีหน้าที่ในการประสานสภาวะอารมณ์เข้ากับการเคลื่อนไหวและอวัยวะภายใน
3. midbrain และ brain stem
เป็นส่วนที่เชื่อมต่อสมองส่วน crebra cortex เข้ากับไขสันหลัง บริเวณนี้จะพบ reticular activating system ซึ่งมีส่วนสำคัญในการควบคุมการนอนหลับ และความตื่นตัว เป็นจุดสำคัญของ reflex ที่จะเป็นหลายชนิด เช่น reflex ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของหัวใจและหลอดเลือด
4. cerebellum
เป็นสมองที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวและการทรงตัว
ระบบประสาทส่วนปลาย
ระบบประสาทส่วนปลายประกอบด้วย 2 ส่วน
1. sensory-somatic nervous system ประกอบไปด้วย เส้นประสาทสมอง 12 คู่ และเส้นประสาทสันหลัง 31 คู่
- cranial
nerve เส้นประสาทสมองทั้ง 12 คู่นั้นมีหน้าที่ในการรับความรู้สึกและการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า
ในปากและคอ เส้นประสาทสมองบางคู่มีเฉพาะส่วนที่เป็น sensory บางคู่ก็เป็น motor อย่างเดียว
และมีบางคู่เป็นแบบผสม
- spinal
nerves เส้นประสาทสันหลังทุกเส้นประกอบไปด้วยส่วนที่เป็น sensory
และ motor ซึ่งจะทำงานภายใต้อำนาจจิตใจ
2. autonomic nervous system เป็นการควบคุมการทำงานของร่างกายที่อยู่ภายนอกจิตใจ
ประกอบไปด้วยทั้งส่วนที่เป็น sensory และ motor ซึ่งวิ่งระหว่าสมองส่วนกลาง (บริเวณ hypothalamus และ
meduula oblongata) และอวัยวะภายในต่างๆเช่น หัวใจ ปอด
กระเพาะ เป็นต้น แบ่งเป็น 2 ระบบคือ sympathetic และ parasympathetic nervous system ซึ่งทั้ง 2
ระบบนี้จะสั่งงานตรงข้ามกันในแต่ละอวัยวะ
- sympathetic
nervous system จะถูกกระตุ้นในกรณีฉุกเฉิน ผลจากการกระตุ้นเช่น
หัวใจเต้นเร็วขึ้น เลือดไปเลี้ยงหัวใจมากขึ้น การย่อยอาหารลดลง
- parasympathetic
nervous system ผลจากการกระตุ้นระบบนี้ออกฤทธิ์ตรงข้ามกับการกระตุ้น
sympathetic ผลการออกฤทธิ์เช่น หัวใจเต้นช้าลง
ลำไส้ทำงานมากขึ้น
2. ไขสันหลัง (Spinal Cord)
เป็นเนื้อเยื้อประสาทที่ต่อเนื่องมาจากสมองส่วนปลายมีจุดตั้งต้นมาจากบริเวณ
base of skull ลงมาตามกระดูกสันหลัง (vertebral
column) มีความยาวประมาณ 42-45 ซม.
มีเส้นประสาทไขสันหลัง (spinal nerve) จำนวน 31 คู่ออกจากไขสันหลัง แต่ละ spinal nerve ประกอบไปด้วย dorsal root และ ventral root ส่วนที่เป็น dorsal root จะประกอบไปด้วยเซลล์ประสาทที่ทำหน้าที่รับข้อมูลจาก
sensory neurons ส่วน ventral root ประกอบไปด้วย
axon ของ motor neuron ซึ่งนำคำสั่งไปยังกล้ามเนื้อและต่อมต่างๆ
(effector)
หน้าที่ของไขสันหลัง
1.
เป็นศูนย์กลางของ spinal reflex
2.
ตำแหน่งแรกที่รับสัญญาณประสาทจากระบบรับความรู้สึกเพื่อที่จะนำส่งต่อไปยังสมอง
3.
เป็นตำแหน่งที่สิ้นสุดของสัญญาณประสาทที่มาจากระบบประสาท
motor เนื่องจากมี anterior motor
neurons ที่จะเป็นเซลล์ประสาทที่รับคำสั่งจาก corticospinal
tract และสั่งการไปยังเซลล์กล้ามเนื้อ
4.
เป็นทางเดินของกระแสประสาททที่ติดต่อระหว่างไขสันหลังและสมอง
5.
เป็นศูนย์กลางของระบบประสาทออโตโนมิก (autonomic
nervous system)
spinal cord
Reflex เป็นกลไกการตอบสนองที่เกิดขึ้นทันทีหลังจากถูกกระตุ้น
เกิดได้เนื่องจากมี synapse ของ sensory และ motor neuron โดยตรง spinal reflex ได้แก่
1. spinal somatic reflex เช่น
1. spinal somatic reflex เช่น
- stretch
reflex เป็น reflex ที่เกิดเมื่อมีการยืดกล้ามเนื้อแล้วมีการหดตัวของกล้ามเนื้อทันที
มีประโยชน์ในการทำให้กล้ามเนื้อมีความตึง
และทำให้การเคลื่อนไหวของร่างกายเป็นไปได้อย่างราบเรียบ
- flexor
reflex เป็น reflex ที่เกิดเมื่อมีสิ่งกระตุ้นความรู้สึกต่อแขนขาแล้วทำให้กล้ามเนื้อ
flexor ของแขนขาหดตัวอย่างรุนแรงเพื่อดึงแขนขาออกจากสิ่งกระตุ้น
2. spinal autonomic reflex
มีระบบประสาทออโตโนมิกเป็น motor pathway และ effector organs เป็นกล้ามเนื้อเรียบ
กล้ามเนื้อหัวใจและต่อมต่างๆเช่น
มีการกระตุ้นให้มีการหลั่งเหงื่อจากการที่ผิวหนังสัมผัสกับความร้อน
เซลล์ประสาท (neurons) เป็นหน่วยที่เล็กที่สุดของระบบประสาท
เซลล์ประสาทมีเยื่อหุ้มเซลล์ ไซโทพลาสซึมและนิวเคลียสเหมือนเซลล์อื่นๆ
แต่มีรูปร่างลักษณะแตกต่างออกไป เซลล์ประสาทประกอบด้วยตัวเซลล์
และเส้นใยประสาทที่มี 2 แบบคือ เดนไดรต์ (Dendrite) ทำหน้าที่นำกระแสประสาทในรูปของสัญญาณไฟฟ้า (electrical signals) ซึ่งเรียกว่า impulse เข้าสู่ตัวเซลล์และแอกซอน
(Axon) ทำหน้าที่นำกระแสประสาทออกจากตัวเซลล์ไปยังเซลล์ประสาทอื่นๆ
เซลล์ประสาทจำแนกตามหน้าที่ การทำงานได้ 3 ชนิด
คือ
1.
เซลล์ประสาทรับความรู้สึก รับความรู้สึกจากอวัยวะสัมผัส
เช่น หู ตา จมูก ผิวหนัง ส่งกระแสประสาทผ่านเซลล์ประสาทประสานงาน sensory
(receptor) neurons (afferent) มีหน้าที่รับและนำส่ง impulse
จาก sense organs(receptors) ไปยังCNS ซึ่ง receptors จะเป็นตัวที่จับการเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายในร่างกาย
2.
เซลล์ประสาทสั่งการ รับคำสั่งจากสมองหรือไขสันหลัง
เพื่อควบคุมการทำงานของอวัยวะต่างๆ motor neurons (efferent) มีหน้าที่นำส่ง
impulses จาก CNS ไปยังกล้ามเนื้อและต่อมต่างๆของร่ายกาย
กล้ามเนื้อตอบสนองต่อimpulse ด้วยการหดตัว
ส่วนต่อมก็จะหลั่งสารออกมา
3.
เซลล์ประสาทประสานงาน (interneurons) เป็นตัวเชื่อมโยงกระแสประสาทระหว่างเซลล์รับความรู้สึกกับสมอง
ไขสันหลัง พบเฉพาะในสมองและไขสันหลังเท่านั้น
เซลล์ประสาท
ข้อมูลหรือข่าวสารผ่านระบบประสาทจากเซลล์ประสาทตัวหนึ่งไปยังเซลล์ประสาทอีกตัวหนึ่ง
บริเวณรอยต่อของเซลล์ประสาท 2 ตัวนี้เรียกว่า synapse
เซลล์ประสาทนอกจากจะติดต่อกันเอง
ยังติดต่อกับเซลล์กล้ามเนื้อและเซลล์ต่อมต่างๆด้วย
สารสื่อประสาท (neurotransmitter) เป็นสารเคมีที่หลั่งจากปลายประสาทตัวหนึ่งและไปมีผลต่อเซลล์ประสาท กล้ามเนื้อ และต่อม แบ่งตามกลไกการออกฤทธิ์เป็น
1.
excitatory transmitter ออกฤทธิ์กระตุ้นให้อีกเซลล์หนึ่งทำงาน
พบบริเวณ synapse ของเซลล์ประสาทกับกล้ามเนื้อ และที่ ganglia
ของระบบประสาทออกโตโนมิก เช่น acetylcholine, epinephrine,
norepinephrine, dopamine
2.
inhibitory transmitter ออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของอีกเซลล์หนึ่ง
เช่น gamma aminobutyric acid (GABA) ซึ่งพบมากที่ในสมองและไขสันหลัง
และ glycine ซึ่งพบมากที่ไขสันหลัง
3.
สารเคมีที่เป็นทั้ง excitatory และ inhibitory transmitter เช่น histamine,
prostaglandin, p-substance
:: การทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง ::
สิ่งเร้าหรือการกระตุ้นจัดเป็นข้อมูลหรือเส้นประสาทส่วนกลางเรียกว่า “ กระแสประสาท ” เป็นสัญญาณไฟฟ้าที่นำไปสู่เซลล์ประสาททางด้านเดนไดรต์
และเดินทางออกอย่างรวดเร็วทางด้านแอกซอน แอกซอนส่วนใหญ่มีแผ่นไขมันหุ้มไว้เป็นช่วงๆ
แผ่นไขมันนี้ทำหน้าที่เป็นฉนวนและทำให้กระแสประสาทเดินทางได้เร็วขึ้น
ถ้าแผ่นไขมันนี้ฉีกขาดอาจทำให้กระแสประสาทช้าลงทำให้สูญเสียความสามารถในการใช้กล้ามเนื้อ
เนื่องจากการรับคำสั่งจากระบบประสาทส่วนกลางได้ไม่ดี
ทำหน้าที่รับและนำความรู้สึกเข้าสู่ระบบประสาทส่วนกลางได้แก่
สมองและไขสันหลังจากนั้นนำกระแสประสาทสั่งการจากระบบประสาทส่วนกลางไปยังหน่วยปฎิบัติงาน
ซึ่งประกอบด้วยหน่วยรับความรู้สึกและอวัยวะรับสัมผัส รวมทั้งเซลล์ประสาทและเส้นประสาทที่อยู่นอกระบบประสาทส่วนกลาง
ระบบประสาทรอบนอกจำแนกตามลักษณะการทำงานได้ 2 แบบ
ดังนี้
1. ระบบประสาทภายใต้อำนาจจิตใจ
เป็นระบบควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อที่บังคับได้ รวมทั้งการ ตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายนอก
2. ระบบประสาทนอกอำนาจจิตใจ เป็นระบบประสาทที่ทำงานโดยอัตโนมัติ มีศูนย์กลางควบคุมอยู่ในสมองและไขสันหลัง ได้แก่
2. ระบบประสาทนอกอำนาจจิตใจ เป็นระบบประสาทที่ทำงานโดยอัตโนมัติ มีศูนย์กลางควบคุมอยู่ในสมองและไขสันหลัง ได้แก่
การเกิดรีเฟลกซ์แอกชัน (Reflex Action)
เมื่อมีสิ่งเร้ามากระตุ้นที่อวัยวะรับสัมผัสเช่น
ผิวหนัง กระแสประสาทจะส่งไปยังไขสันหลัง
และไขสันหลังจะสั่งการตอบสนองไปยังกล้ามเนื้อ โดยไม่ผ่านไปที่สมอง เมื่อมีเปลวไฟมาสัมผัสที่ปลายนิ้วกระแประสาท
จะส่งไปยังไขสันหลังไม่ผ่านไปที่สมอง ไขสันหลังทำหน้าที่สั่งการให้กล้ามเนื้อที่แขนเกิดการหดตัว เพื่อดึงมือออกจากเปลวไฟทันที
จะส่งไปยังไขสันหลังไม่ผ่านไปที่สมอง ไขสันหลังทำหน้าที่สั่งการให้กล้ามเนื้อที่แขนเกิดการหดตัว เพื่อดึงมือออกจากเปลวไฟทันที
พฤติกรรมการตอบสนองต่อสิ่งเร้าของมนุษย์เป็นปฎิกิริยาอาการที่แสดงออกเพื่อการโต้ตอบต่อสิ่งเร้าทั้งภายในและภายนอกร่างกายเช่น
- สิ่งเร้าภายในร่างกาย เช่น ฮอร์โมน เอนไซม์ ความหิว
ความต้องการทางเพศ เป็นต้น
- สิ่งเร้าภายนอกร่างกาย เช่น แสง เสียง อุณหภูมิ อาหาร น้ำ
การสัมผัส สารเคมี เป็นต้น
กิริยาอาการที่แสดงออกเพื่อตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายนอกอาศัยการทำงานที่ประสานกันระหว่างระบบประสาท
ระบบกล้ามเนื้อ ระบบต่อมไร้ท่อและระบบต่อมมีท่อ
ดังตัวอย่างต่อไปนี้
1. การตอบสนองเมื่อมีแสงเป็นสิ่งเร้า เช่น เมื่อได้รับแสงสว่างจ้า
มนุษย์จะมีพฤติกรรมการหรี่ตาเพื่อลด ปริมาณแสงที่ตาได้รับ
2. การตอบสนองเมื่ออุณหภูมิเป็นสิ่งเร้า เช่น ในวันที่มีอากาศร้อนจะมีเหงื่อมาก
เหงื่อจะช่วยระบาย ความร้อนออกจากร่างกาย เพื่อปรับอุณหภูมิภายในร่างกายไม่ให้สูงเกินไป หรือเมื่อมีอากาศเย็นคนเราจะเกิดอาการหดเกร็งกล้ามเนื้อ
หรือเรียกว่า “ ขนลุก ”
3. เมื่ออาหารหรือน้ำเข้าไปในหลอดลมเกิดพฤติกรรมการไอหรือจาม
เพื่อขับออกจากหลอดลม
4. การเกิดพฤติกรรมแบบรีเฟลกซ์
เป็นพฤติกรรมการตอบสนองหรือตอบโต้ทันทีเพื่อความปลอดภัย จากอันตราย เช่น
·
เมื่อฝุ่นเข้าตามีพฤติกรรมการกระพริบตา
·
เมื่อสัมผัสวัตถุร้อนจะชักมือจากวัตถุร้อนทันที
·
เมื่อเหยียบหนามจะรีบยกเท้าให้พ้นหนามทันที
:: อาการที่บ่งชี้ว่ามีความผิดปรกติของระบบประสาท ::
อาการที่ผู้ป่วยมีขึ้นอยู่กับตำแหน่งของรอยโรค
เช่น
1. ปวดศีรษะ
2. กล้ามเนื้ออ่อนแรง
3. ชา
4. ซึม หรือหมดสติ
5. ชัก
1. ปวดศีรษะ
2. กล้ามเนื้ออ่อนแรง
3. ชา
4. ซึม หรือหมดสติ
5. ชัก
โรคหรือภาวะผิดปรกติของระบบประสาท
1.
การบาดเจ็บของระบบประสาท
เช่นได้รับอุบัติเหตุทำให้เกิดอันตรายต่อสมองไขสันหลัง และเส้นประสาท
ผลกระทบที่เกิดขึ้นขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ได้รับบาดเจ็บและความรุนแรง
ผู้ป่วยอาจเกิดอัมพาต หรือไม่รู้สติเป็นเจ้าหญิงนิทรา
2.
โรคหลอดเลือดสมอง
อาจเป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบทำให้เกิดการตายของเนื้อสมอง
หรือหลอดเลือดในสมองแตกทำให้มีก้อนเลือดในสมอง
อาการของผู้ป่วยขึ้นอยู่กับตำแหน่งของรอยโรค ผู้ป่วยมักจะเกิดอัมพาตครึ่งซีก
ภาวะนี้เกิดในผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงเช่นความดันโลหิตสูง เบาหวาน
3.
โรคติดเชื้อของระบบประสาทกลาง
เช่นโรคสมองอักเสบ การติดเชื้อของเยื่อหุ้มสมอง ฝีในสมอง
ผู้ป่วยอาจมีความผิดปรกติของการรู้สติ ชัก
4.
โรคสมองเสื่อม พบในคนชรา ผู้ป่วยมีอาการหลงลืม
ความจำเสื่อม
5.
ความผิดปรกติทางเมตาโบลิก
เช่นการขาดวิตามินหรือสารอาหาร ผู้ป่วยที่ขาดวิตามิน B ทำให้เกิดเส้นประสาทอักเสบ มีอาการชาปลายมือปลายเท้า
ผู้ป่วยโรคเบาหวานก็อาจมีอาการที่เกิดจากเส้นประสาทอักเสบได้เช่นกัน
6.
มะเร็งของระบบประสาท เช่นมะเร็งของสมอง
หรือมะเร็งของอวัยวะอื่นที่แพร่กระจายมาที่สมอง ผู้ป่วยอาจมีอาการปวดศีรษะเรื้อรัง
หรือมีอาการอ่อนแรง หรืออาการผิดปรกติอื่นขึ้นอยู่กับตำแหน่งของรอยโรค
7.
อื่นๆ เช่น โรคลมชัก (epilepsy) ไมเกรน
แหล่งข้อมูล
http://www.baanjomyut.com/library_2/nervous_system/
http://www.med.cmu.ac.th/dept/vascular/human/lesson/lesson5.php
ขอให้มีทุกส่วนได้
ตอบลบส่วนกลาง
ปลาย
อัตโนมัติ
อะจะดีมาก
The best online baccarat tables in Canada - Wilbur County
ตอบลบThe best online baccarat 카지노 tables in Canada 바카라 If you're looking for 메리트카지노 a casino table you're going to love, the best baccarat tables in Canada.